แกะความสำเร็จการปั้นแบรนด์ ของ Selena Gomez

3,599 Views จำนวนผู้เยี่ยมชม

แกะสูตรสำเร็จในการปั้นแบรนด์ Rare Beauty ของ Selena Gomez

แม้จะมาสวมบท “แม่ค้า” ตามหลังรุ่นพี่ในวงการ ที่พาเหรดกันมาปั้นธุรกิจความงามก่อนหน้าหลายปี

จนบางคนกลายเป็นเศรษฐีพันล้านไปแล้ว

แต่อย่างน้อย Selena Gomez ป็อปสตาร์สาวคนดัง ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ถึงจะมาช้า แต่มาแล้ว “ปังเวอร์”

หลังจากเปิดตัว Rare Beauty เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว​ นอกจากจะขึ้นแท่นเป็นแบรนด์เครื่องสำอางน้องใหม่ ที่ครองใจสาว ๆ ทั่วบ้านทั่วเมือง ยังติดโผของ Cosmetify แพลตฟอร์มความงามระดับโลกจากอังกฤษ ที่ยกให้ Rare Beauty เป็น 1 ใน 10 แบรนด์ความงามของคนดังที่สามารถทำรายได้สูงสุดในโลก

เพราะหลังจากเปิดตัวได้ 1 ปี ก็สามารถทำเงินไปได้ถึง 1,955 ล้านบาท

แล้วอะไรทำให้ Rare Beauty กลายเป็นแบรนด์ที่สปอตไลต์หลายดวงต้องสาดแสงเข้าใส่ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

หลายคนอาจจะบอกว่า ลำพังชื่อเสียงของ Selena Gomez ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นกระแส

ก็เพียงพอแล้วที่จะจุดกระแส Rare Beauty ให้ติดตลาด

ซึ่งก็ไม่ผิด เพียงแต่อาจจะไม่ถูกทั้งหมด เพราะถ้าแค่อาศัยชื่อเสียงเป็นตัวดัน ความนิยมของ Rare Beauty คงเจิดจรัสแค่ชั่วคราว

แต่สิ่งที่ทำให้ Rare Beauty กระแสแรงไม่ตกตั้งแต่เปิดตัว มาจากการวางคอนเซปต์ของแบรนด์ให้แตกต่างแถมยังทรงพลัง

เพราะในขณะที่แบรนด์ความงามส่วนใหญ่ ต่างพยายามชูจุดขาย ด้วยการเป็นตัวช่วยให้ผู้หญิงสวยอย่างสมบูรณ์แบบ หรืออย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวตกเทรนด์ แต่ Rare Beauty เลือกจะปฏิวัติมาตรฐานความสวยแบบเดิม ๆ

แทนที่ผู้หญิงจะต้องสวยตามแบบพิมพ์นิยม Rare Beauty ชวนทุกคนตามหาความสวย ที่ไม่ได้เกิดจากการที่คนอื่นมองเรา แต่เป็นความงามที่เกิดจากการที่เรามองตัวเราเองฟังดูเหมือนง่าย แต่เชื่อเถอะว่าเป็นความงามที่หาได้ไม่ง่าย สมกับชื่อแบรนด์ Rare Beauty ที่แปลว่า ความงามที่หายากและด้วยการเปิดตัวอย่างทรงพลัง

ตั้งแต่ชื่อแบรนด์ไปจนคอนเซปต์ ที่ชวนให้ผู้หญิงฮึกเหิมและกลับมาเห็นคุณค่าของตัวเองนี้เอง เรียกได้ว่าเป็นการปล่อยหมัดฮุกแรก ที่ทำเอาคู่ต่อสู้เกือบน็อกได้เหมือนกันก่อนจะตามติดด้วยหมัดสอง​ อย่างการสะท้อนชูจุดยืนของแบรนด์ ที่สนับสนุนให้ผู้หญิงสวยแบบไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง


ด้วยความที่ Selena Gomez เคยมีอาการป่วย และต้องเข้ารับการดูแลสุขภาพจิตอยู่บ่อยครั้งทำให้เธอไม่เพียงเข้าใจหัวอกของคนที่ป่วยทางจิตเป็นอย่างดี แต่รู้ด้วยว่าหนึ่งในปัญหาหลักของผู้ป่วย คือ ขาดทุนทรัพย์ในการรักษาเธอจึงตั้งกองทุนที่ชื่อว่า “Rare Impact” ขึ้น​ เพื่อช่วยเหลือคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตต่อไป


โดยเธอวางแผนว่าจะระดมทุนให้ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,247 ล้านบาท ภายในเวลา 10 ปีและแน่นอนว่า ส่วนหนึ่งในช่องทางหารายได้ มาจากการหักยอดขาย 1% ของแบรนด์ Rare Beauty มาเข้าสมทบในกองทุนนี้หลังจากปูพรมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์แล้ว มาถึงตัวผลิตภัณฑ์นอกจาก Rare Beauty จะมาวินในเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่กินขาด


เปิดตัวอย่างสุดปัง ด้วยรองพื้นที่จัดเต็มมาถึง 48 เฉดสี ครอบคลุมทุกโทนสีผิว
เสริมทัพด้วย คอนซีลเลอร์, ลิปสติก, อายแชโดว์, ดินสอเขียนคิ้ว, ไพรเมอร์ไม่พอ ยังมีอุปกรณ์เสริม อย่างแปรงแบบต่าง ๆ มาให้สาว ๆ ได้เลือกแต่งได้ทุกลุก แบบครบจบในแบรนด์เดียว​

ในแง่การออกแบบแพ็กเกจจิงก็น่าสนใจ เพราะออกแบบให้เป็นแนวรักษ์โลกและถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า บรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ Rare Beauty จะมีฝาขวดเป็นเหมือนลูกบอลเล็ก ๆ ซึ่งมองผิวเผินอาจเพื่อความเก๋ มีสไตล์ แต่จริง ๆ แล้วเบื้องหลังดีไซน์นี้มาจากอินไซต์ของ Selena Gomez ที่เคยป่วยเป็นโรคไตอักเสบลูปัส ตั้งแต่ปี 2015 ก่อนจะได้รับการรักษาผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นที่เรียบร้อยแล้วอาการป่วยของ Selena Gomez มาเกี่ยวอะไรกับการออกแบบแพ็กเกจจิง ?

ต้องบอกว่า หนึ่งในอาการที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคไตอักเสบลูปัส คือ อาการอักเสบปวดบวมตามข้อ บริเวณข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่ ข้อเข่า หรือข้อเท้าและเพราะเคยลิ้มรสความเจ็บปวดมาด้วยตัวเอง ทำให้ Selena Gomez ให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์กับคนที่อาจจะป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับข้ออักเสบ


ดังนั้นการออกแบบฝาบรรจุภัณฑ์ให้มีลักษณะเหมือนลูกบอลเล็ก ๆ อยู่ด้านบน ก็เพื่อช่วยให้เปิดได้สะดวกขึ้นมาถึงปัจจัยสุดท้าย ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยฐานแฟนคลับของ Selena Gomez ที่แน่นอยู่แล้ว ก็เป็นแต้มต่อสำคัญ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนดังหลายคนหันมาสร้างแบรนด์ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น

Rihanna ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Fenty Beauty
Lady Gaga แบรนด์ Haus Laboratories
Kylie Jenner แบรนด์ Kylie Cosmetics ​และยังมีอีกหลาย ๆ คนซึ่ง Selena Gomez เองก็มีดีกรีเป็นถึงศิลปินชื่อดัง ที่ไม่ได้มีความสามารถแค่การแสดงหลังจากแจ้งเกิดจากซีรีส์ Barney & Friends และซีรีส์ Wizards of Waverly Place

เธอยังเป็นหนึ่งในนักร้องคุณภาพ มีเพลงฮิตติดหูมากมาย แถมยังเป็นนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ก่อนจะผันตัวมาสวมบทนักธุรกิจ ลองเป็น “แม่ค้าซูเปอร์สตาร์”

ปัจจุบัน เธอมียอดผู้ติดตามบนอินสตาแกรมสูงถึง 258 ล้านคน
ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ ที่มีอยู่เกือบ 70 ล้านคน หลายเท่าตัวหรือถ้าลองคำนวณเล่น ๆ ว่า แค่

ครึ่งหนึ่งของผู้ติดตาม Selena ผันมาเป็นลูกค้า ก็ขายสินค้าได้ไม่ต่ำกว่า 130 ล้านออร์เดอร์แล้ว..ยังไม่รวมกระแสจากสื่อ คนดัง และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ที่ช่วยโปรโมตให้ Rare Beauty ยิ่งเป็นที่รู้จักจนไม่ต้องสงสัยเลยว่า

ทำไมใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี ยอดผู้ติดตามอินสตาแกรมของ Rare Beauty ก็สูงถึง 2.6 ล้านคนมาถึงตรงนี้ คงหายข้องใจแล้วว่า ทำไม Rare Beauty ถึงเป็นแบรนด์ความงามที่แจ้งเกิดในวงการบิวตีอย่างสง่างามแต่สุดท้ายแล้ว

ถ้าถามว่าอะไรคือกุญแจดอกสำคัญ
คำตอบก็ย้อนมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ Selena Gomez ย้ำอยู่เสมอว่า Rare Beauty ไม่ได้ต้องการให้ผู้

หญิงอย่างเรา ๆ สวยในสายตาของใคร แต่แค่เป็นตัวของเราเอง
เหมือนกับ Rare Beauty ที่ไม่ต้องเหมือนแบรนด์ความงามไหน ๆ ก็ปังในแบบของตัวเอง..

ที่มา ลงทุนเกริล์